The Twilight Saga: Breaking Dawn
วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554
Movie The Walking Dead
เป็น Series ที่สร้างจากหนังสือการ์ตูน เรื่องราวของ Rick Grimes รองนายอำเภอ King County ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการยิงต่อสู้กับคนร้ายและเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล พอตื่นขึ้นมากลับพบว่าทั้งเมืองเต็มไปด้วย Zombie และภรรยากับลูกชายของเขาได้หายไป ทำให้เขาต้องต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดในเมืองที่เต็มไปด้วย Zombie เพื่อตามหาครอบครัว
Movie Beastly
Beastly หยิบเอาตำนาน “โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” มาตีความใหม่ โฉมงามในเวอร์ชั่นของ Beastly อาจจะไม่ได้งามสะดุดตา สวยติดอันดับ หากแต่เป็นโฉมงาม ที่งามจากข้างใน ทำให้ฉายแววออกมาถึงข้างนอก เป็นโฉมงามในแบบที่ ผู้หญิงส่วนมากในสังคมเป็น มองผ่านๆ อาจไม่สวยโดดเด่น แต่เมื่อได้สัมผัสจะไม่อาจละสายตา และ หยุดหัวใจไม่ให้รักเธอได้ และดาราสาวที่มารับบท โฉมงาม หรือ ลินดี้ ก็คือ วาเนสซา ฮัดเจนส์ สาวผู้มีดวงตาชวนฝัน และ รอยยิ้มจริงใจ ส่วน เจ้าชายอสูรในเวอร์ชั่น Beastly เป็นชายหนุ่มผู้เพียบพร้อม ทั้งหน้าตา ฐานะ ชาติตระกูล หากแต่เมื่อมองลึกไปถึงข้างใน ช่างตรงข้ามกับรูปกายภายนอก จึงถูกสาป ให้มีรูปลักษณ์ภายนอก เป็นเช่นเดียวกับความเย็นชา และ ไร้จิตใจภายใน แต่เมื่อเขาได้กลายร่างไปเป็นอสูรแล้ว เขากลับได้เริ่มเรียนรู้ ที่มองเห็นและตระหนักถึงความสำคัญของความงามภายใน และสิ่งที่จะแก้คำสาปได้ ก็คือ “รักแท้” ที่พร้อมจะมองผ่านรูปกายภายนอกนั่นเอง นักแสดงหนุ่มที่มารับบท เจ้าชายอสูร หรือ ไคล์ คิงสัน ก็คือ หนุ่มรูปหล่อมาแรง อย่าง อเล็กซ์ เพ็ตติเฟอร์ หนุ่มที่กำลังขึ้นชาร์ทหนุ่มฮอตใจละลายคนล่าสุดแห่งฮอลลีวู้ด
และเพื่อความซึ้งชวนฝันของเทพนิยายแห่งปี 2011 ฉากในเรื่องจึงไม่ใช่ราชวังหรือสวนกุหลาบที่ไหน แต่คือ “นิวยอร์ค” เมืองที่หลายคนกล่าวว่ามีมนต์ขลัง โรแมนติก และ ชวนตกหลุมรัก Beastly ได้ถ่ายทำที่ นิวยอร์ค ตลอดทั้งเรื่อง ตามตึกรามบ้านช่อง ตามถนน และ สถานที่ต่างๆ ที่หลายๆที่ ที่คัดมา ล้วนแล้วแต่เป็นมุมโรแมนติกของ นิวยอร์ค ทั้งนั้น และ เมื่อดัดแปลงมาจาก โฉมงามและเจ้าชายอสูร ก็คงจะทิ้งดอกกุหลาบสวยๆไปไม่ได้ เพราะ Beastly เวอร์ชั่น 2011 นี้ ได้เนรมิต ซุ้มกุหลาบๆสวยๆ บนดาดฟ้าสุดโรแมนติก และวางบทให้ ไคล์ คิงสัน บรรจงสร้างสวนกุหลาบนี้ให้กับตัว ลินดี้ ....กุหลาบสวยๆ อาจจะหาซื้อให้กันที่ไหนก็ได้ แต่จะมีสักกี่ครั้ง ที่มีคนสร้างซุ้มกุหลาบให้กับเรา ด้วยมือของเขาเอง เพื่อท้ายที่สุดแล้ว หวังเพียงได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุข นี่เป็นเพียง 1 ฉากโรแมนติกของภาพยนตร์ Beastly ก่อนที่จะไปตราตรึงด้วยกัน
Movie Avatar
โลกใหม่ที่สุดตะลึงตาเหนือล้ำจินตนาการ เมื่อฮีโร่ผู้จำใจ ต้องออกเดินทางเพื่อปลดเปลื้องและบุกเบิก พร้อมเป็นผู้นำแห่งสงคราม เพื่อปกป้องโลกของมนุษย์ต่างดาว ที่เขาเรียกว่าบ้าน
Avatar ถูกสร้างออกมาอย่างสมบูรณ์แบบด้วยวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีภาพยนตร์ ที่หลอมเราเข้าไปในโลกแห่งอารมณ์และเรื่องราวของตัวละครผู้ชมจะเข้าสู่โลกแพนโดราผ่านสายตาของ “เจค ซัลลี่” อดีตนายทหารเรือผู้พิการที่ต้องนั่งบนรถเข็น แม้ว่าร่างกายไม่สมประกอบ แต่เจคก็ยังมีหัวใจนักรบ เขาได้รับเลือกให้ร่วมเดินทางหลายปีแสง ไปยังดาว แพนโดรา ที่ซึ่งมีเหมืองแร่ล้ำค่าหายากที่เป็นหัวใจสำคัญ ในการแก้ปัญหาพลังงาน ขาดแคลน ของโลก
และเพราะชั้นบรรยากาศของดาวแพนโดราเป็นพิษต่อมนุษย์ พวกเขาจึงต้องพัฒนาโปรแกรมอวตาร เพื่อแปลงสภาวะจิตของคนให้ไปอยู่ในร่างอวตาร และให้ควบคุมร่างกายได้ในภาวะอากาศที่เบาบาง ร่างอวตารนี้เป็นส่วนผสมทางพันธุกรรมของดีเอ็นเอมนุษย์และดีเอ็นเอจากสิ่งมีชีวิตบนดาวแพนโดรา ที่มีชื่อเรียกว่า “นาวี”
ในร่างอวตาร “เจค” สามารถเดินได้อีกครั้งหนึ่ง และมีภารกิจต้องแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มนาวี ชนเผ่าพื้นเมืองที่เป็นอุปสรรคสำคัญของชาวโลกในการเข้าถึงเหมืองแร่ล้ำค่า แต่นาวีสาวสวยชื่อ “นาวิตี้” ได้ช่วยชีวิตเจคไว้และแผนการทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลง “เจค” ได้เข้าร่วมชนเผ่าของเธอ เขาได้ผ่านการทดสอบและการผจญภัยต่างๆ จนได้เป็นหนึ่งในกลุ่มนั้น ความสัมพันธ์ของเจคและนาวิตี้เริ่มลึกซึ้งขึ้น พร้อมๆ กับความนับถือในกลุ่มนาวี ในที่สุดเขาต้องพบการทดสอบและความขัดแย้งที่จะตัดสินชะตากรรมของโลก
วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554
Movie SAW
SAW เกม ตัด ต่อ ตาย เป็นภาพยนตร์ที่มีฆาตกรโรคจิตใช้นามแฝงว่า จิ๊กซอว์ ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ที่คอยทำตัวเป็นนักเชิดหุ่นผู้อยู่เบื้องหลังเกมโหดร้าย เขาวางแผนฆ่าต่อเนื่องอย่างอัจฉริยะ โดยเขาจะ "เล่น" กับคนที่เขาเชื่อว่าไม่เห็นถึงคุณค่า และไม่ชื่นชมต่อการมีชีวิตอยู่ ด้วยฟันเฟืองที่เดินหน้าไปด้วยความตึงเครียดและการคิดประดิษฐ์สร้างสรรค์
อย่างไรก็ตาม SAW เกม ตัด ต่อ ตาย ยังมีคำถามอีกมากมาย ที่ทิ้งเอาไว้ให้คาใจ อีกทั้งตัวจริงของ "จิ๊กซอว์" ยังเป็นปริศนา จึงต้องมี Saw II : เกม ตัด-ต่อ-ตาย 2, Saw III : เกม ตัด-ต่อ-ตาย 3, SAW IV : เกม ตัด ต่อ ตาย 4, SAW V : เกม ตัด ต่อ ตาย 5 และ SAW VI : เกม ตัด ต่อ ตาย 6 ... ตามออกมาเรื่อย ๆ ทั้งนี้ SAW 6 ถูกมองว่าโหดกว่าภาคไหน ๆ จนทำให้กระทรวงวัฒนธรรมสั่งห้ามฉายในประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ในภาคก่อน ๆ กว่าที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้ภายในประเทศไทย ก็ต้องให้ผ่านการเซ็นเซอร์มาทุกฉากในทุกภาคเช่นกัน
สำหรับ SAW VI : เกม ตัด ต่อ ตาย 6 กำกับการแสดงโดย Kevin Greutert นำแสดงโดย Costas Mandylor, Mark Rolston, Betsy Russell, Tobin Bell และ Shawnee Smith เป็นเรื่องราวหลังจากเจ้าหน้าที่พิเศษเอฟบีไอสแตรมได้ตายลงไป นักสืบฮอฟแมนก็สานต่อเกมโรคจิต ขณะที่เอฟบีไอใกล้ถึงตัวเขา เขาจึงจำเป็นต้องเร่งเดินเกม แล้วแผนลวงชุดใหญ่ของจิ๊กซอว์ก็เป็นที่เข้าใจในที่สุด
วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554
Movie SCREAM
” การกลับมาอีกครั้งของภาพยนตร์สยองขวัญที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เมื่อ 15 ปีที่แล้ว Scream ถือเป็นหนังที่สร้างปรากฎการณ์กับการเป็นหนังสยองขวัญแนวใหม่ที่มีนักแสดง วัยรุ่นเป็นตัวชูโรง ส่งผลให้ทั้งทีมผู้สร้างและนักแสดงโด่งดังขึ้นมาทันตาเห็น จากความสำเร็จอย่างมหาศาลทำให้ต้องมีภาคต่อมาตอกย้ำความสำเร็จกัน ซึ่งภาคนี้ก็เป็นภาคที่ 4 แล้ว ห่างจากภาคที่ 3 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2000 นานทีเดียว Scream 4 หวีด…แหกกฏ ภาคนี้ยังได้นักแสดงและทีมผู้สร้างชุดเดิมกลับมาครบชุดทีเดียว ทางทีมผู้สร้างการันตีว่าตื่นเต้นสยองขวัญและเหนือชั้นกว่าเดิมแน่นอนครับ นำทีมโดย เนฟ แคมเปล กำกับการแสดงโดย เวส คราเวน เขียนบทโดย เควิน วิลเลียมสันซิดนีย์ เพรสค็อต ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นนักเขียน เดินทางกลับมายังวูดโบโร บ้านเกิดของเธอเพื่อโปรโมทหนังสือ ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายของการเดินทางโปรโมทหนังสือของเธอด้วย เธอได้พบกับอดีตนายอำเภอ ดิวอี้ และนักข่าวชื่อ เกล รวมทั้งลูกพี่ลูกน้องของเธอชื่อ จิล โรเบิร์ต กับ เคอร์ รีด เพื่อนรักของเธอ และ เคท โรเบิร์ต ป้าของเธอ แต่การกลับมาของเธอครั้งนี้ยังมาพร้อมกับการกลับมาของนักฆ่าหน้ากากผีที่ เริ่มออกไล่ล่าตามฆ่าเพื่อน ๆ ลูกพี่ลูกน้องของเธอ และคนอื่นๆในย่านวูดโบโร ด้วย เมืองทั้งเมืองกำลังตกอยู่ในอันตรายอีกครั้งซิดนีย์ กับเพื่อนๆและชาวเมืองจะมีวิธีการอย่างไรในการรับมือกับ ฆาตกรหน้ากากผีในครั้งนี้ ”
Movie Resident Evil
เมื่อ3-5ปีก่อน อัมเบรลล่า คอปปอเรชั่น ล้มเหลวในการควบคุม เชื้อไวรัสที จนทำให้พลเมืองกลายเป็นผีดิบกันเกือบหมดโลก อัมเบรลล่า คอปเปอเรชั่นได้ทำการโคลนนิ่งอลิช แล้วหาวิธีกำจัด ส่วนทางผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยได้รวมกลุ่มกันเพื่อที่จะไปที่อลาสก้า ซึ่งเป็นที่ๆปลอดภัย อลิชได้มารวมกลุ่มกับ แคร์ เรดฟิล และคาลอส L.J. โดยมีดร.ไอแซก คอยตามล่า และดร.ไอแซก ได้คิดค้นจนได้เซรุ่มที่สมารถต้านไวรัสทีได้อย่างถาวร และใช่เซรุ่มนั้นกับเหล่าผีดิบที่จับมาทำให้ผีดิบมีปัญญาฉลาดขึ้น เพื่อเอาไว้จัดการกับอลิซ แต่หลังจากการต่อสู้ทำให้ ดร.ไอแซกกลับมาโดยสภาพที่โดน ผีดิบที่ฉีดเซรุ่มกัด ดังนั้นหลังจากที่ดร.ไอแซกฉีดเซรุ่มเข้าไปจนเกินขนาดทำให้กลายพันธุ์เป็นสิ่งที่น่ากลัวและสยดสยอง จากการต่อสู้คาลอสได้ถูกซอมบี้กัดทำให้ติดเชื้อ จึงยอมเสียสละตัวเองโดยการระเบิดตัวเองท่ามกลางซอมบี้นับร้อย จากนั้นอลิชได้ส่ง แคลร์ และผู้ที่รอดชีวิตขึ้นเฮลิคอปเตอร์ให้มุ่งหน้าไปที่อลาสก้า ส่วนเธอนั้นก็มุ่งหน้าไปยังฐานทัพที่อยู่ภายชั้นใต้ดิน เพื่อจัดการกับ ดร.ไอแซก เธอได้ต่อสู้กับดร.ไอแซกจนเฉียดตาย แต่ที่เธอรอดมาได้ก็คือ "โคลนนิ่ง"ของเธอ อีกคนมาช่วยได้ทันเวลาพอดี
หลังจากอลิส (Alice) (แสดงโดย มิลลา โจโววิช) ได้กำจัดTyrantที่ห้องทดลองลับในทะเลทรายเนวาดา อีก4ปีต่อมา เธอได้เหล่าร่างโคลนของเธอเข้าบุกอัมเบล่า คอป ที่โตเกียว แต่ก็ถูกทำลายโดยระเบิดของบอสหัวหน้าใหญ่ ซึ่งครั้งนั้นทำให้เธอต้องสูญเสีย พลังจิต ไป หลังจากนั้นอีก6เดือนเธอตามไปอลาสก้าที่มีสัญญานจาก อาร์เคเดีย ว่ามีที่พัก อาหารและปลอดภัย แต่อลิสไปกลับไม่เห็นใครแต่พบ กับClaire Redfield ที่ถูกฝังเครื่องควบคุมเอาไว้ หลังจากที่อลิสจัดการกับเครื่องนั้นออกจากแคร์แล้วพบว่าแคร์ความจำเสื่อม หลังจากนั้น2สาวจึงได้เดินทางไปยัง ลอสแอนเจลิส และได้เจอกับกลุ่มผู้รอดชีวิต ได้แก่ ลูเทอร์ เบนเน็ต คริสตัล กิมยอง และยังพบ คริสพี่ชายของ แคร์ แต่ยังมีสิ่งน่ากลัว รออลิสและเพื่อนๆอยู่อีกมากมายที่ทุกคนคาดไม่ถึงนั้นก็คือ ลาสพลากัสซอมบี้ ซึ่งเป็นซอมบี้ที่สมารถ เจาะกำแพงตามท่อระบายเข้ามาได้ดังนั้น ทั้งหมดจึงตัดสินใจไปที่อาร์เคเดียซึ่งภายหลัง อลิสรู้ว่าเป็นเรือ โดยไม่รู้เลยว่า มีสิ่งหนึ่งกำลังรอให้พวกอลิสเข้าไปหา คริสตัล,กิมยอง ได้ถูกลาสพลากัสซอมบี้ฉุดลงไปตามท่อระบายน้ำ จากนั้นอลิส,คริส แคลร์ และลูเทอร์ ได้เดินทางไปยังอาร์เคเดีย ก็ได้รู้ว่าทั้งหมดมันคือกับดักที่ล่อให้อลิชเข้าไป อลิสได้พบผู้ที่รอดชีวิตทั้งหมดถูกขังอยู่ภายใต้เรืออาร์เคเดียลำนี้ และได้พบกับเบนเน็ตที่ทรยศพวกเธอโดยการขับเครื่องบินหนีมาที่อาร์เคเดียเพียงลำพัง หลังจากนั้นพวกเธอก็ได้พบกับบอส หัวหน้าใหญ่ที่เป็นคนบงการเรื่องนี้ทั้งหมด
Movie The Lord of the Rings
มหันตภัยแห่งแหวน
เล่มที่หนึ่งเริ่มต้นเหตุการณ์ด้วยงานวันเกิดของบิลโบในแคว้นไชร์ ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 60 ปีหลังจากเหตุการณ์ในเรื่อง เดอะฮอบบิท บิลโบตัดสินใจออกเดินทางผจญภัยอีกครั้ง ทิ้งมรดกทั้งปวงรวมถึง "แหวน" วงนั้น ให้แก่ญาติคนหนึ่งที่เขารับไว้เป็นทายาท ชื่อว่าโฟรโด แบ๊กกิ้นส์ หลังจากงานวันเกิดผ่านไป 17 ปี พ่อมดเทาแกนดัล์ฟ เพื่อนเก่าแก่ของครอบครัวก็ย้อนกลับมาที่ไชร์ และพิสูจน์ได้ว่าที่แท้แหวนของบิลโบวงนั้นคือ แหวนเอก ซึ่งเซารอนเจ้าแห่งความมืดติดตามหามาตลอดช่วงยุคที่สาม เวลาเดียวกันนั้น กอลลัมเดินทางเข้าไปที่มอร์ดอร์และโดนจับตัวได้ ทำให้เซารอนรู้ว่าแหวนตกไปอยู่ในความครอบครองของ "แบ๊กกิ้นส์"
เซารอนส่งภูตแหวนออกมาติดตามหาแหวน แต่แกนดัล์ฟได้สั่งให้โฟรโดเดินทางออกจากไชร์แล้ว พร้อมกับแซมไวส์ แกมจี (แซม) คนรับใช้และคนสวนของตระกูล นอกจากนี้ยังมีเพื่อนฮอบบิทอีกสองคนของโฟรโดติดตามมาด้วย คือเมอเรียด็อค แบรนดี้บั๊ก (เมอร์รี่) กับ เปเรกริน ตุ๊ก (ปิ๊ปปิ้น) ทั้งหมดเดินทางออกจากไชร์จากดินแดนบั๊กแลนด์เข้าสู่ป่าดึกดำบรรพ์ ได้พบกับทอม บอมบาดิล และไปถึงเมืองบรีได้พบกับมนุษย์ผู้หนึ่งชื่อว่า สไตรเดอร์ หรืออารากอร์น บุตรแห่งอาราธอร์น ผู้นำแห่งเหล่าดูเนไดน์แห่งดินแดนเหนือ ซึ่งเป็นทายาทบัลลังก์อาร์นอร์และกอนดอร์ อารากอร์นพาพวกฮอบบิทเดินทางไปจนถึงริเวนเดลล์ แต่ระหว่างทางพวกเขาถูกภูตแหวน (นาซกูล) โจมตี และโฟรโดได้รับบาดเจ็บสาหัส กลอร์ฟินเดล เอลฟ์สูงศักดิ์คนหนึ่งมาพบและช่วยเหลือพวกเขาไว้ได้ทัน
ในเล่มสอง โฟรโดได้รับการรักษาจากเอลรอนด์ เจ้าผู้ครองริเวนเดลล์ และได้พบกับบิลโบซึ่งออกเดินทางมาพักผ่อนอยู่ที่นี่ นอกจากนั้นยังมีผู้แทนจากเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ พากันเดินทางมาริเวนเดลล์ (ได้แก่เอลฟ์ คนแคระ และมนุษย์ จากอาณาจักรต่าง ๆ) จึงเกิดเป็นการประชุมเรียกว่า ที่ประชุมของเอลรอนด์ เพื่อหาข้อสรุปและแนวทางในการต่อต้านเหล่าปีศาจ ที่ประชุมสรุปว่าหนทางเดียวที่จะต่อกรกับเจ้าแห่งความมืดได้ คือต้องทำลายแหวนเอกเสียเท่านั้น โดยต้องนำแหวนไปทิ้งลงในปล่องภูเขาไฟในเมาท์ดูม ซึ่งเป็นไฟที่ใช้สร้างมันขึ้นมา โฟรโดรับอาสาภารกิจนี้ เอลรอนด์จึงแต่งตั้ง "คณะพันธมิตรแห่งแหวน" เพื่อช่วยเหลือโฟรโดในระหว่างการเดินทาง
คณะพันธมิตรแห่งแหวนเดินทางผ่านทุ่งหญ้า เทือกเขา เข้าไปในเหมืองมอเรีย โดยมีกอลลัมแอบติดตามไปตลอดทาง เมื่อพวกเขาเข้าไปในเหมือง กลับถูกลอบโจมตีโดยพวกออร์คกับบัลร็อกที่เข้าไปยึดเหมืองนั้นไว้ก่อนแล้ว แกนดัล์ฟต่อสู้กับบัลร็อกเพื่อให้ชาวคณะหลบหนีไปได้ แต่ตัวเขาเองต้องตกลงไปในปล่องเหวอันมืดมิดใต้มอเรีย เมื่อคณะพันธมิตรหนีออกจากมอเรียได้ อารากอร์นจึงพาคนที่เหลือหนีไปยังลอธลอริเอน อาณาจักรของเลดี้กาลาเดรียลและลอร์ดเคเลบอร์น หลังจากนั้นจึงออกเดินทางต่อมาถึงน้ำตกใหญ่ในแม่น้ำอันดูอิน โฟรโดตัดสินใจจะเดินทางต่อเพียงลำพัง เนื่องจากโบโรเมียร์ถูกอำนาจแหวนล่อลวงจนคิดจะแย่งแหวนมาครองเอง แต่ขณะโฟรโดจะแอบหนีไป แซมตามมาทันและขอร่วมเดินทางไปด้วย
หอคอยคู่พิฆาต
ดูบทความหลักที่ ลอร์ดออฟเดอะริงส์ ตอน หอคอยคู่พิฆาต
ในหนังสือภาคสอง เหตุการณ์ในเรื่องจะแยกออกเป็นสองส่วน โดยที่เล่มสามบรรยายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับคณะพันธมิตรแห่งแหวนที่เหลืออยู่ คือซารูมานส่งอูรุกไฮมาชิงตัวผู้ถือแหวน แต่พวกมันเข้าใจผิดจึงจับตัวเมอร์รี่กับปิ๊ปปิ้นไป โบโรเมียร์ต่อสู้เพื่อป้องกันฮอบบิททั้งสองจนเสียชีวิต อารากอร์น เลโกลัส และกิมลี ตัดสินใจไปช่วยเหลือเมอร์รี่กับปิ๊ปปิ้น ทั้งสามได้พบกับแกนดัล์ฟซึ่งคืนชีพใหม่เป็น แกนดัล์ฟ พ่อมดขาว หลังจากต่อสู้เอาชนะบัลร็อกแล้วจึงถูกส่งกลับมามิดเดิลเอิร์ธอีกครั้งเพราะภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น ทั้งสี่เดินทางไปยังอาณาจักรโรฮัน และช่วยโรฮันต่อสู้กับซารูมานในสมรภูมิป้อมฮอร์นเบิร์ก เวลาเดียวกันนั้นเมอร์รี่กับปิ๊ปปิ้นหนีพ้นจากพวกอูรุกไฮ และไปอยู่ในความดูแลของพวกเอนท์ ช่วยพวกเอนท์โจมตีไอเซนการ์ด ขังซารูมานไว้ในหอคอย จากนั้นทั้งสองกลุ่มได้มาพบกันอีกครั้งหลังสิ้นสุดสงคราม
เล่มสี่เล่าเหตุการณ์ทางด้านของโฟรโดและแซม ที่หาทางเข้าไปยังเมาท์ดูม ทั้งสองจับตัวกอลลัมได้และบังคับให้มันนำทางเข้าไปในมอร์ดอร์ แต่เมื่อไปถึงประตูดำก็พบกองทัพจำนวนมากจึงไม่อาจผ่านเข้าไปได้ กอลลัมเสนอหนทางลับเข้าไปในมอร์ดอร์ ผ่านทางหุบเขาอันน่าสยดสยองแห่งมินัสมอร์กูล ระหว่างทางพวกเขาโดนกองกำลังลาดตระเวนของกอนดอร์จับตัวได้ และได้พบฟาราเมียร์ น้องชายของโบโรเมียร์ โฟรโดอธิบายให้ฟาราเมียร์เข้าใจสถานการณ์และเห็นพ้องว่า การทำลายแหวนทิ้งเสียจะเป็นการดีกว่านำแหวนกลับไปใช้เป็นอาวุธ ในตอนท้ายเล่ม กอลลัมหักหลังโฟรโดโดยพาเขาไปติดกับอยู่ในถ้ำของนางแมงมุมชีล็อบ โฟรโดถูกพิษแมงมุมสิ้นสติไป แต่แซมเข้าสู้กับนางและไล่นางไปได้ พวกออร์คผ่านมาพอดีจึงจับตัวโฟรโดไป ฝ่ายแซมซึ่งคิดว่าเจ้านายของตนตายแล้วจึงได้เอาแหวนมาเก็บไว้ ทำให้แหวนรอดจากเงื้อมมือพวกออร์คโดยบังเอิญ เวลาเดียวกันนั้นเซารอนส่งกองทัพใหญ่ออกไปสู่สมรภูมิบนมิดเดิลเอิร์ธ เป็นการรบครั้งใหญ่ที่สุดในสงครามแหวน โดยมีวิชคิง หัวหน้าเหล่าภูตแหวน เป็นแม่ทัพเข้าโจมตีกอนดอร์
กษัตริย์คืนบัลลังก์
ดูบทความหลักที่ ลอร์ดออฟเดอะริงส์ ตอน กษัตริย์คืนบัลลังก์
ในหนังสือภาคสาม เริ่มเหตุการณ์ในเล่มห้าที่แกนดัล์ฟกับปิ๊ปปิ้นเดินทางมาถึงมินัสทิริธ และเตือนให้เมืองหลวงแห่งกอนดอร์เตรียมพร้อมรับศึก เมอร์รี่เข้าร่วมกองทัพของโรฮันยกติดตามมา ระหว่างทาง อารากอร์นนำกำลังส่วนหนึ่งแยกไปตาม "เส้นทางมรณะ" (Paths of the Dead) เพื่อขอความช่วยเหลือจากกองทัพปีศาจผู้ตกอยู่ในคำสาปของบรรพกษัตริย์กอนดอร์ ให้ช่วยสกัดทัพเรือคอร์แซร์ที่ยกมาจากอุมบาร์ จากนั้นแกนดัล์ฟ อารากอร์น และคนทั้งหมดเข้าร่วมในการสงครามใหญ่ที่เซารอนหมายเข้ายึดมินัสทิรธ เรียกว่าสมรภูมิทุ่งเพเลนนอร์ ทัพโรฮันมาถึงทันเวลาและป้องกันเมืองมินัสทิริธไว้ได้ แต่เซารอนยังมีกองกำลังจำนวนมากเตรียมพร้อมยกหนุนมาอีก ฝ่ายกองทัพอิสระชนแห่งมิดเดิลเอิร์ธไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าโจมตีประตูดำแห่งมอร์ดอร์ แม้จะไม่มีหวังได้รับชัยชนะก็ตาม ทั้งนี้ก็ด้วยความหวังเพียงประการเดียวคือหันเหความสนใจของเซารอนมาที่พวกตน เพื่อซื้อเวลาให้โฟรโดสามารถเข้าไปทำลายแหวนได้
เล่มหก แซมตามไปช่วยโฟรโดออกมาได้ แล้วเดินทางข้ามที่ราบอันหฤโหดของมอร์ดอร์เข้าไปถึงเมาท์ดูม (โดยมีกอลลัมลอบตามไปตลอดทาง) แต่ในที่สุดแหวนมีอำนาจเหนือจิตใจของโฟรโดมากจนเขาไม่สามารถโยนมันทิ้งลงไปในภูเขาไฟ และประกาศตัวเป็นเจ้าของแหวน เมื่อนั้นบรรดานาซกูลจึงรู้ถึงตำแหน่งของแหวนและหันหน้ากลับไปยังโอโรดรูอิน แต่กอลลัมเมื่อเห็นโฟรโดประกาศครอบครองแหวน ก็เข้ายื้อแย่งและกัดนิ้วที่สวมแหวนของโฟรโดจนขาด มันตื่นเต้นดีใจจนขาดสติแล้วลื่นไถลตกลงไปในปล่องภูเขาไฟ ทำให้แหวนถูกทำลายไป เหล่าปีศาจและสิ่งก่อสร้างทั้งปวงที่สร้างขึ้นด้วยอำนาจดวงจิตของเซารอนจึงพังพินาศไปพร้อมกับแหวนด้วย และกองทัพของอิสระชนแห่งมิดเดิลเอิร์ธเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ
อารากอร์นได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งกอนดอร์ และอภิเษกกับอาร์เวน บุตรีของเอลรอนด์ แต่ผลกระทบจากสงครามยังไม่สิ้นสุด เพราะซารูมานที่หนีไปจากไอเซนการ์ดได้เดินทางไปถึงไชร์ และเข้ายึดแคว้นนั้นไว้ เมื่อโฟรโดกับเพื่อนเดินทางกลับไปถึง ก็หาทางแก้ไข ยึดแคว้นไชร์คืนกลับมาได้ ถึงกระนั้น ไชร์ก็ไม่ใช่ไชร์อย่างที่พวกเขาเคยรู้จักอีกต่อไป ในตอนท้ายเล่ม โฟรโดที่ยังคงเจ็บบาดแผลจากนาซกูลอยู่เสมอ ก็ตัดสินใจเดินทางข้ามทะเลไปสู่แผ่นดินตะวันตกพร้อมกับบิลโบและเหล่าเอลฟ์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)